มาทำความรู้จักกับมาตรฐาน ISO 9001 กัน
ปี 1947: องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน ( International Organization for Standardization: IOS ) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1947 ในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
วัตถุประสงค์: เพื่อสร้างมาตรฐานสากลที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศ ลดข้อขัดแย้งทางเทคนิค และส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ผู้ก่อตั้ง: ISO ก่อตั้งโดยผู้แทนจากองค์กรมาตรฐานแห่งชาติของ 25 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 : ความต้องการมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการขยายตัวของการค้าโลกและการผลิตอุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรม : การพัฒนาอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 20 ทำให้เกิดความจำเป็นในการควบคุมคุณภาพและการจัดการกระบวนการผลิต
ต้นกำเนิดของ ISO 9001
BS 5750 : มาตรฐานการจัดการคุณภาพของสหราชอาณาจักร ซึ่งพัฒนาขึ้นในปี 1979 เป็นพื้นฐานสำคัญของ ISO 9001
การพัฒนา ISO 9001 : ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 IOS ตัดสินใจพัฒนามาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการคุณภาพ โดยอิงจาก BS 5750 และมาตรฐานอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว
ISO 9001:1987
เผยแพร่: มาตรฐาน ISO 9001 ถูกเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 1987
โครงสร้าง: ISO 9001:1987 เป็นส่วนหนึ่งของชุดมาตรฐาน ISO 9000 ซึ่งประกอบด้วย:
ISO 9001: สำหรับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ พัฒนา ผลิต ติดตั้ง และบริการ
ISO 9002: สำหรับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและติดตั้ง แต่ไม่มีการออกแบบ
ISO 9003: สำหรับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและทดสอบขั้นสุดท้าย
แนวทางการเขียนระบบ: เน้นการควบคุมกระบวนการผลิตและการจัดทำเอกสาร
ข้อดี: เป็นมาตรฐานแรกที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการคุณภาพได้อย่างเป็นระบบ
ปัญหา: ถูกวิจารณ์ว่ามีความซับซ้อนและเน้นการจัดทำเอกสารมากเกินไป
ISO 9001:1994
เผยแพร่: มาตรฐานนี้ถูกปรับปรุงและเผยแพร่ในปี 1994
การเปลี่ยนแปลง: เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมกระบวนการและเอกสาร
แนวทางการเขียนระบบ: เน้นการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการจัดทำเอกสาร
ข้อดี: ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการคุณภาพได้อย่างละเอียดมากขึ้น
ปัญหา: ยังคงมีความซับซ้อนและเน้นการจัดทำเอกสารมากเกินไป
ISO 9001:2000
เผยแพร่: มาตรฐานนี้ถูกปรับปรุงและเผยแพร่ในปี 2000
การเปลี่ยนแปลง:
เปลี่ยนโครงสร้างมาตรฐานโดยเน้นการนำกระบวนการเข้ามาใช้ (Process Approach)
มุ่งเน้นที่ความพึงพอใจของลูกค้า
ลดความซับซ้อนของการจัดทำเอกสาร
แนวทางการเขียนระบบ: เน้นการจัดการกระบวนการและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ข้อดี: ทำให้มาตรฐานมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและสามารถนำไปใช้ได้กับองค์กรทุกประเภท
ปัญหา: บางองค์กรอาจพบว่าการปรับเปลี่ยนระบบเป็นเรื่องยาก
ISO 9001:2008
เผยแพร่ : มาตรฐานนี้ถูกปรับปรุงและเผยแพร่ในปี 2008
การเปลี่ยนแปลง : ปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อชี้แจงและปรับปรุงข้อกำหนดบางประการ
แนวทางการเขียนระบบ : ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักการสำคัญ
ข้อดี : ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้ง่ายขึ้น
ปัญหา : ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ISO 9001:2015
เผยแพร่: มาตรฐานนี้ถูกปรับปรุงและเผยแพร่ในเดือนกันยายน 2015
การเปลี่ยนแปลง:
เน้นการบริหารความเสี่ยง (Risk-Based Thinking)
ปรับโครงสร้างมาตรฐานให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO อื่น ๆ (High-Level Structure)
เน้นการมีส่วนร่วมของผู้นำองค์กร
แนวทางการเขียนระบบ : เน้นการจัดการความเสี่ยงและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ข้อดี: ทำให้มาตรฐานมีความทันสมัยและเหมาะสมกับการดำเนินงานขององค์กรในยุคปัจจุบัน
ปัญหา: บางองค์กรอาจพบว่าการนำหลักการบริหารความเสี่ยงมาใช้เป็นเรื่องท้าทาย
ประเทศผู้ริเริ่ม
สหราชอาณาจักร: เป็นประเทศแรกที่พัฒนามาตรฐานการจัดการคุณภาพ (BS 5750) ซึ่งเป็นพื้นฐานของ ISO 9001
สหรัฐอเมริกา: มีส่วนร่วมผ่านองค์กรมาตรฐาน ANSI (American National Standards Institute)
เยอรมนี: มีส่วนร่วมผ่านองค์กรมาตรฐาน DIN (Deutsches Institut für Normung)
ประเทศผู้ริเริ่ม
สหราชอาณาจักร: เป็นประเทศแรกที่พัฒนามาตรฐานการจัดการคุณภาพ (BS 5750) ซึ่งเป็นพื้นฐานของ ISO 9001
สหรัฐอเมริกา: มีส่วนร่วมผ่านองค์กรมาตรฐาน ANSI (American National Standards Institute)
เยอรมนี: มีส่วนร่วมผ่านองค์กรมาตรฐาน DIN (Deutsches Institut für Normung)
ผู้มีส่วนร่วม
มาตรฐานนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงผู้แทนจากองค์กรมาตรฐานแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการคุณภาพ
ISO 9001 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดการคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
มาตรฐานนี้ได้รับการปรับปรุงหลายครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรในยุคต่าง ๆ โดยแต่ละเวอร์ชันมีข้อดีและปัญหา
ของตัวเอง แต่ทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการจัดการคุณภาพและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง